เข้าเดือนธันวาคมทีไร หลายคนก็เริ่มออกเดินทางพักผ่อนบ่อย ๆ หรือหยุดยาวกันแล้ว เพราะเดือนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดเทศกาลสำคัญ เช่น คริสตมาสต์ เยอะเสียเหลือเกิน จนเรียกได้ว่าเป็นเดือนแห่งการพักผ่อนเลยก็ว่าได้ และเมื่อถึงฤดูออกเดินทางท่องเที่ยว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ “รถยนต์คู่ใจของเรา” ที่จะถูกนำมาปัดกวาด ดูดฝุ่น ตรวจสภาพเครื่องยนต์อีกครั้ง เพื่อวิ่งระยะทางไกล
และหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลายคนพบเมื่อทำความสะอาดภายในห้องที่นั่งรถยนต์คือ “กลิ่นเหม็นอับ” ซึ่งบางครั้งทำความสะอาดเสร็จแล้ว หรือทำความสะอาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้กลิ่นเหม็นตุ ๆ ได้ Ayasan ในฐานะผู้ให้บริการแม่บ้านและคนขับรถชั้นแนวหน้าของประเทศไทย เลยมี “5 เคล็ด (ไม่) ลับดับกลิ่นเหม็น” มาฝากทุกคน
1. ถ่านช่วยดูดกลิ่น
รู้หรือไม่? ว่า “ถ่าน” ที่เราใช้ปิ้งหมูปิ้ง หรือหมูกระทะ คือเครื่องมือดูดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากธรรมชาติชั้นเลิศ ที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด แถมยังได้ผลลัพธ์ดีทุกครั้งหลังการใช้เสมอต้นเสมอปลาย โดยปกติเรามักเห็นคนนำ “ถ่าน” ไปไว้ในตู้เย็น เพื่อดูดกลิ่นเหม็นของอาหารบางชนิดที่แช่ไว้ และมันก็สามารถนำมาใช้ดับกลิ่นเหม็นในรถได้ด้วย! เพียงแค่หาถ่านประมาณ 1 ถุง เอามาวางทิ้งไว้ในรถข้ามคืน ปล่อยให้ “ถ่าน” ทำหน้าที่ของมัน โดยช่องว่างที่อยู่ในถ่านหินจะดูดซับกลิ่นเหม็นทั้งหลายเอาไว้ เมื่อใช้งานเสร็จก็ยังสามารถนำไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นต่อได้อีกด้วย
2. เบกกิ้งโซดาช่วยขจัดกลิ่นเหม็น
หากในห้องที่นั่งรถยนต์มีคราบเลอะสกปรก โดยเฉพาะอ้วก (จากการเมารถ หรือเมาหัวราน้ำ) “เบกกิ้งโซดา” หรือ “โซเดียมคาร์โบเนต” ที่นิยมใช้ทำขนม คือตัวช่วยขจัดกลิ่นเหม็นชั้นยอดเลยล่ะ! วิธีการใช้ “เบกกิ้งโซดา” ขจัดกลิ่นสกปรก ทำได้ดังนี้ เริ่มแรกต้องทำความสะอาดคราบสกปรกด้วยน้ำสะอาด จากนั้นโรย “เบกกิ้งโซดา” ให้ทั่ว แล้วรอให้แห้งสักประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดผงเบกกิ้งโซดาออก เพียงเท่านี้กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เคยมีก็จะหายไปหมด สำหรับใครที่กลัวว่าในรถจะมีกลิ่นเหม็นกลับมาอีก ก็สามารถนำ “เบกกิ้งโซดา” ใส่กระปุกที่มีรูระบายกลิ่น แล้ววางกระปุกนี้ทิ้งไว้ในรถ ไว้คอยดับกลิ่นได้อีกด้วย (สามารถทำกับ “ถ่าน” ได้ด้วยเช่นกัน)
3. น้ำส้มสายชูช่วยขจัดกลิ่นและคราบสกปรก
แม้ “น้ำส้มสายชู” จะมีกลิ่นฉุนรุนแรงมาก แต่มันคืออาวุธดับกลิ่นเหม็นเกินเยียวยาได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เพียงแค่คุณหาถ้วยขนาดเล็ก (ประมาณถ้วยเป็กเหล้า) เท “น้ำส้มสายชู” แล้วนำไปตั้งไว้ในรถยนต์ข้ามคืน มันจะทำการดูดซับกลิ่นเหม็นทั้งหลายแม้แต่กลิ่นที่คุณคิดว่า เหม็นรุนแรงที่สุดได้เช่นกัน หรือคุณจะใช้วิธีการผสมน้ำเปล่ากับน้ำส้มสายชู แล้วใช้ฟ็อกกี้ฉีดตรงที่มีคราบกลิ่นเหม็นก็ได้ แต่พึงระวังว่า ไม่ใช้วัสดุในรถทั้งหมดที่ทนทาน “น้ำส้มสายชู” ได้ เช่น วัสดุที่ทำจากหนัง หรือพรม อาจได้รับความเสียหายหลังโดนของเหลวชนิดนี้
4. ทำความสะอาดพรมรองเท้า
สิ่งสกปรกทั้งหลายมักร่วงลงมากองอยู่ที่พรมรองเท้าบนพื้นรถยนต์ของเรา หากคุณกินอาหารในรถแล้วมีเศษอาหารร่วงหล่น ทางที่ดีควรนำพรมที่มีเศษอาหารเหล่านั้นไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย ก่อนหมักหมมความสกปรกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเศษของกินเหล่านั้นเน่าบูดจนส่งกลื่นไม่พึงประสงค์ หากเป็นพรมพลาสติกก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยการปัดและชำระล้าง เช็ดให้แห้งสะอาด แต่กับพรมรองเท้าในระยนต์ที่เป็นผ้านุ่มนิ่มก็ต้องนำไปซักและตากแดดให้หายชื้นสนิท มิเช่นนั้นอาจนำกลิ่นเหม็นอับชื้นมาสร้างปัญหาให้แทน
5. ล้างแอร์รถ
และเคล็ดลับสุดท้ายของการดับกลิ่นเหม็นในรถยนต์คือ “การล้างแอร์รถยนต์” เพราะช่องแอร์ในรถยนต์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถล้วงควัก หรือถอดทำความสะอาดกันได้เองง่าย ๆ ต้องให้ผู้มีความชำนาญเฉพาะทางทำ ดังนั้น ผู้ใช้รถยนต์จึงมักไม่ค่อยทำความสะอาดแอร์รถบ่อยนัก หรือมองข้ามที่จะทำ จะทำความสะอาดอีกทีก็คือ ตอนเอารถเข้าศูนย์ไปแล้วนั่นแหละ และต้องอบอกว่า “แอร์รถยนต์” คือแหล่งบ่มเพาะของเชื้อโรคชั้นดีอีกด้วย จึงต้องหมั่นพารถไปทำความสะอาดตัวแอร์สม่ำเสมอ เดือนละครั้ง หรือสองเดือนครั้ง และเพื่อเพิ่มความหอมในรถ ก็สามารถติดน้ำหอมปรับอากาศได้ แต่ต้องหลังจากที่หมดกลิ่นตุ ๆ แล้วเท่านั้นนะ!
ทราบ 5 เคล็ดลับดับกลิ่นเหม็นนี้กันแล้ว ครั้งหน้าที่ต้องรับมือกับกลิ่นเหม็นอับชื้น หรือสิ่งสกปรกในห้องที่นั่งรถยนต์ก็รู้แล้วว่าต้องคว้าอุปกรณ์ช่วยดับกลิ่นใดมาพิชิตภัยทางจมูก และทำให้รถของทุกคนกลับมามีกลิ่นหอมเหมือนเพิ่งซื้อใหม่อีกครั้ง
แต่หากขี้เกียจทำความสะอาดเอง ก็สามารถเรียกใช้บริการ Ayasan ได้ที่นี่เลย
ที่มาข้อมูล: Leith Toyota
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ทำไม Ayasan เป็นผู้ให้บริการทำความสะอาดร้านอาหารแบบครบวงจร (One Stop Service) ที่ดีที่สุดในไทย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เผย 5 สาเหตุที่ร้านอาหารต้องจ้าง “แม่บ้านมืออาชีพ”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: 8 วิธีจัดบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ยให้รับทรัพย์ตลอดปี
Leave a Reply