บ้านหลังน้อยที่รักของพวกเราจะสะอาดจนปราศจากฝุ่นละอองและกลิ่นอับชื้นได้ไหม ? โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย การทำความสะอาดบ้านเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ด้วยวิถีชีวิตคนทำงานในปัจจุบัน ทำให้มีเวลาจำกัดในการทำความสะอาด บทความ Ayasan ขอนำเสนอเคล็ดลับทำความสะอาดบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้บ้านที่ปลอดฝุ่น ปราศจากกลิ่นอับ พร้อมอยู่อาศัยอย่างสบายใจ ไปดูกันเลย!
กำจัดฝุ่นและกลิ่นอับตัวร้าย
- การกำจัดสิ่งสะสมต่างๆ การทำความสะอาดบ้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ควรเริ่มจากการคัดแยกและกำจัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เช่น เศษกระดาษ ขยะ เครื่องใช้เก่าที่ไม่ได้ใช้แล้ว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้บ้านดูรกรุงรังแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองและเชื้อราได้อีกด้วย การกำจัดสิ่งสะสมนี้ออกไปจะช่วยให้บ้านโล่งโปร่งและง่ายต่อการทำความสะอาดมากขึ้น
- การถอดแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ก่อนทำความสะอาด เครื่องเรือนและอุปกรณ์บางชนิดสามารถถอดแยกส่วนประกอบได้ ก่อนทำความสะอาดควรถอดแยกสลักหรือส่วนประกอบต่าง ๆ ออกเสียก่อน จะช่วยให้เข้าถึงบริเวณที่ฝุ่นและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ได้ง่ายขึ้น หลังทำความสะอาดเสร็จแล้วจึงค่อยประกอบกลับเข้าที่เดิม
- การใช้อุปกรณ์ดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ดูดฝุ่นนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการทำความสะอาดบ้านเพื่อดูดซับฝุ่นละอองต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ดูดฝุ่นที่มีระบบกรองฝุ่นละเอียด จะมีประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นละอองและอนุภาคขนาดเล็กได้ดีกว่า ควรดูดฝุ่นเป็นประจำและทำความสะอาดตัวกรองของอุปกรณ์ดูดฝุ่นเป็นระยะ ๆ ด้วย
- การเปิดพัดลมระบายอากาศในบ้านขณะทำความสะอาด ฝุ่นละอองจะถูกกระจายเมื่อมีการทำความสะอาด การเปิดพัดลมระบายอากาศจะช่วยไล่ฝุ่นละอองออกจากบ้าน และทำให้อากาศบริสุทธิ์ถ่ายเทเข้าสู่บ้านมากขึ้น ซึ่งจะลดปริมาณฝุ่นละอองและกลิ่นอับภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ สะอาดแน่นอน
หากท่านไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี ทำตามขั้นตอนนี้ง่าย ๆ ได้เลย!
- เริ่มจากการกวาดและดูดฝุ่นก่อน ฝุ่นละอองที่สะสมตามพื้นและเครื่องเรือนเป็นสิ่งแรกที่ต้องจัดการ การกวาดกวาดและดูดฝุ่นก่อนจะช่วยกำจัดได้ง่ายขึ้น แต่หากเริ่มด้วยการถูเช็ดหรือนวดพื้น ฝุ่นละอองจะถูกกระจายไปทั่วและตกค้างได้ยากต่อการเก็บกวาด
- ทำความสะอาดจากด้านบนลงล่าง หลังจากกวาดและดูดฝุ่นแล้ว ให้เริ่มทำความสะอาดจากส่วนบนสุดก่อน เช่นเพดานและผนัง จากนั้นค่อยลงมาทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และในที่สุดจึงมาถึงการทำความสะอาดพื้น ด้วยวิธีนี้จะป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกที่ตกลงมาจากด้านบนมาสกปรกบริเวณที่ทำความสะอาดไปแล้ว
- การใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสม เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมกับชนิดของพื้นผิวและคราบสกปรก ไม่ควรใช้น้ำยาเดียวกับทุกบริเวณ นอกจากนี้สำหรับงานบางอย่างที่ไม่สกปรกมาก การใช้น้ำสะอาดก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดเสมอไป
- การถูเช็ดพื้นผิวให้แห้งสนิท หลังจากทำความสะอาดแล้ว พื้นผิวต่าง ๆ จะถูกเช็ดให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการอับชื้นและกลิ่นอับ สำหรับพื้นที่เปียกชื้นควรใช้พัดลมระบายอากาศให้แห้งโดยเร็ว
- การระบายอากาศและแสงแดด เปิดหน้าต่างและประตูให้อากาศไหลเวียนถ่ายเท และแสงแดดสามารถส่องถึงภายในบ้านได้ หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว นี่เป็นวิธีช่วยระบายความชื้นและกลิ่นอับออกจากบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ป้องกันฝุ่นและกลิ่นไม่ให้กลับมาอีก
นอกจากการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีแล้ว ยังมีสิ่งที่ควรปฏิบัติเป็นประจำดังนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์กลับมา
- เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าม่านสัปดาห์ละครั้ง ผ้าปูที่นอนและผ้าม่านเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง เชื้อราและไรฝุ่น การเปลี่ยนใหม่สัปดาห์ละครั้งจะช่วยลดการสะสมสิ่งสกปรกเหล่านี้ได้
- ลดสิ่งของเกะกะและเปิดโล่งภายในบ้าน ลดจำนวนสิ่งของวางเกะกะและตกแต่งภายในบ้านให้น้อยลง เปิดโล่งและจัดระเบียบบ้านให้สะอาดเพื่อลดการสะสมของฝุ่นละออง ทั้งนี้ควรจัดเก็บสิ่งของในบ้านให้เรียบร้อย ไม่วางสุ่มสะเกะสะกะ
- พรมและผ้าม่านควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พรมและผ้าม่านเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง เชื้อรา และกลิ่น จึงต้องดูแลด้วยการดูดฝุ่นและซักล้างเป็นประจำ นอกจากนี้ควรเปลี่ยนใหม่เมื่อเก่าเกินไป
- อย่าลืมทำความสะอาดตู้เย็น ตู้เย็นเป็นบริเวณที่มักถูกมองข้าม โดยที่ไม่ค่อยได้รับการทำความสะอาดบ่อยนัก แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นแหล่งเพาะเชื้อและสะสมคราบสกปรกได้เช่นเดียวกัน ควรทำความสะอาดตู้เย็นเดือนละครั้งด้วย
- ระบายอากาศและให้แสงแดดสาดส่องบ่อยครั้ง แสงแดดและการระบายอากาศเป็นตัวช่วยกำจัดความชื้น กลิ่นอับ และฆ่าเชื้อโรคได้ดี จงระบายอากาศและเปิดรับแสงแดดในบ้านบ่อย ๆ เท่าที่จะทำได้
แนวทางการทำความสะอาดเฉพาะบริเวณ
แม้จะทำความสะอาดบ้านอย่างถูกวิธีแล้ว แต่ก็ยังมีบางจุดที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ทำตามดังนี้ได้เลย
- ห้องน้ำ: ห้องน้ำเป็นบริเวณที่ชื้นแฉะและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและกลิ่นเหม็นอับได้ง่าย จึงควรทำความสะอาดห้องน้ำอย่างละเอียดทั้งโถสุขภัณฑ์ พื้น ผนัง และเพดาน โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เปิดพัดลมระบายอากาศเสมอ และไม่ลืมทำความสะอาดมุมอับต่าง ๆ เช่นระหว่างกระเบื้องประตูห้องน้ำ
- ห้องครัว: ห้องครัวเป็นแหล่งสะสมคราบน้ำมัน ไขมัน และเศษอาหารตกค้าง ทำความสะอาดครัวด้วยการล้างถ้วยชาม ตะกร้า และเครื่องครัวต่าง ๆ ด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างจาน เช็ดพื้นและเคาน์เตอร์ให้สะอาด อย่าลืมทำความสะอาดตู้เย็น ตู้เก็บของ และช่องระบายอากาศเตาไฟทุกสัปดาห์ เพื่อไม่ให้มีคราบไขมันและกลิ่นตกค้าง
- ห้องนอน: ห้องนอนเป็นสถานที่ที่เราใช้เวลานานที่สุดในแต่ละวัน ควรทำความสะอาดเป็นประจำโดยการปัดกวาด ดูดฝุ่นที่นอน เปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ รวมถึงระบายอากาศบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้มีกลิ่นอับ
- ระเบียง: ระเบียงมักเป็นจุดที่ถูกมองข้าม แต่ก็เป็นแหล่งสะสมฝุ่นผงจากภายนอก รวมถึงรังนกหรือใบไม้ที่ปลิวมา ควรปัดกวาดและเช็ดถูระเบียงเป็นประจำ เนื่องจากเป็นบริเวณที่โล่งและโดนแดด การทำความสะอาดจึงไม่ยากนัก
- ตู้และลิ้นชัก ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ และลิ้นชักต่าง ๆ: ควรได้รับการทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยเริ่มจากนำสิ่งของออกมาให้หมด จากนั้นจึงปัดฝุ่น เช็ดถู ก่อนนำของกลับเข้าที่เดิม การจัดระเบียบของในตู้เป็นระยะ ๆ จะช่วยให้ฝุ่นไม่สะสมด้วย
บทสรุป
การทำความสะอาดบ้านอย่างถูกวิธีนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ ตั้งแต่การกำจัดสิ่งสะสมต่าง ๆ การใช้อุปกรณ์ดูดฝุ่นที่ดี รวมถึงขั้นตอนและเทคนิคการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการดูแลและบำรุงรักษาบ้านเป็นประจำ ด้วยวิธีการดังกล่าว จะทำให้บ้านปลอดจากฝุ่นละออง ไร้กลิ่นอับชื้น และมีบรรยากาศที่สดชื่นน่าอยู่อาศัย
แต่หากท่านไม่มีเวลาว่างทำงานที่บ้าน หรืออ่านแล้วเริ่มอยากทำความสะอาดสำนักงานขึ้นมาละก็ Ayasan Service พร้อมให้บริการแม่บ้านทำความสะอาด! สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มและเลือกแม่บ้านที่ตรงใจท่านได้ที่ Ayasan | บริการจัดหาแม่บ้าน บริการทำความสะอาด พี่เลี้ยงเด็ก ดูแลผู้สูงวัย กรุงเทพฯ
Leave a Reply