จิตวิทยาทำความสะอาด

จิตวิทยาความสะอาดภายในบ้าน: ความสะอาดส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างไร?

บ้านคือพื้นที่ส่วนตัวที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตของคนเรา แต่สำหรับบางคนแล้ว บ้านกลับกลายเป็นแหล่งกำเนิดความเครียดและความขัดแย้งภายในครอบครัว สาเหตุหลักมาจากการที่มีสมาชิกในครอบครัวบางคนต้องแบกรับภาระการทำความสะอาดบ้านไว้เพียงลำพัง ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจและความตึงเครียดเรื้อรังขึ้น

ที่จริงแล้ว การทำความสะอาดบ้านเป็นหน้าที่รับผิดชอบของทุกคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการดูดฝุ่น ซักผ้า ล้างจาน หรืองานบ้านอื่นๆ หากมีการแบ่งปันภาระหน้าที่กันอย่างเหมาะสม จะช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านดีขึ้น สมาชิกในครอบครัวมีสุขภาพจิตดี และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกว่า

ผลกระทบของความสะอาดที่มีต่อสุขภาพจิตของคนในบ้าน

จากผลการศึกษาจิตวิทยาของนักวิชาการหลายท่าน พบว่าสภาพแวดล้อมที่สะอาดเรียบร้อย มีผลทางบวกต่อสุขภาพจิต เช่น

  1. ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล สภาพแวดล้อมที่สะอาดและเป็นระเบียบช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น ตรงกันข้ามกับบ้านที่รกรุงรังซึ่งจะยิ่งทำให้เราเกิดความเครียดและวิตกกังวลมากขึ้น ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้พบว่า สภาพบ้านที่สกปรกและไร้ระเบียบมีความเชื่อมโยงกับอาการซึมเศร้าและภาวะสุขภาพจิตที่แย่ลงในหมู่ผู้หญิงวัยทำงาน
  2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การมีบ้านที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นงานบ้านหรืองานออฟฟิศก็ตาม เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เรียบร้อยจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจ่อและมีสมาธิกับงานที่กำลังทำได้ดีขึ้น ในทางกลับกัน การอยู่ในบ้านที่รกรุงรังนั้นจะทำให้เราสับสนและรู้สึกล้มเหลวในการจัดการเรื่องต่างๆ ได้
  3. ส่งเสริมสุขภาพกายดีขึ้น ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้านยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย การอยู่ในบ้านที่สะอาดปราศจากฝุ่นละอองและเชื้อโรคจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้และโรคระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ บ้านที่มีระเบียบยังทำให้เรามีแรงจูงใจมากขึ้นในการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Nicole R. Keith และคณะ จากมหาวิทยาลัย Minnesota ที่พบว่า การอยู่ในพื้นที่สกปรกจะทำให้ผู้คนรู้สึกเครียด วิตกกังวล และขาดสมาธิได้ นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับการศึกษาของ Deborah Corbett จากมหาวิทยาลัย Washington เรื่อง “การจัดกลุ่มและการรับรู้” ที่ระบุว่าความสกปรกจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อจิตใจของเรา

นอกเหนือจากประโยชน์ด้านสุขภาพจิตแล้ว การมีบ้านที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่เราด้วย เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เรียบร้อยจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจ่อและมีสมาธิกับงานที่กำลังทำได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรืองานออฟฟิศก็ตาม ในทางกลับกัน การอยู่ในบ้านที่รกรุงรังนั้นจะทำให้เราสับสนและรู้สึกล้มเหลวในการจัดการเรื่องต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้านยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย โดยการอยู่ในบ้านที่สะอาดปราศจากฝุ่นละอองและเชื้อโรคจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้และโรคระบบทางเดินหายใจได้ รวมถึงยังทำให้เรามีแรงจูงใจมากขึ้นในการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย

จิตวิทยาทำความสะอาด

ความสะอาดบ้านส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างไร

นอกเหนือจากผลดีต่อสุขภาพจิตและร่างกายแล้ว การมีบ้านที่สะอาดเรียบร้อยยังส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวด้วย ได้แก่

  1. ลดความขัดแย้ง การร่วมแบ่งปันภาระหน้าที่ในการทำความสะอาดบ้านอย่างเท่าเทียมกันในครอบครัวนั้นเป็นวิธีลดความขัดแย้งระหว่างกันได้อย่างดี บ่อยครั้งที่ความขัดแย้งในครอบครัวเกิดจากการที่คนใดคนหนึ่งต้องรับภาระหนักเกินไป เมื่อทุกคนร่วมมือกันอย่างเสมอภาค จะทำให้บรรยากาศในบ้านดีขึ้นและลดแรงเสียดทานระหว่างกันได้
  2. เสริมสร้างความผูกพัน เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจทำบ้านให้สะอาดเรียบร้อย ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว มีความรับผิดชอบและความผูกพันร่วมกันในการรักษาบ้านให้น่าอยู่อาศัย การมีกิจกรรมร่วมกันในการดูแลบ้านจึงเป็นการสร้างความแน่นแฟ้นและผูกพันครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
  3. ส่งเสริมความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ ความสัมพันธ์ในครอบครัวมักจะดีขึ้นเมื่อสมาชิกทุกคนทำตามคำมั่นสัญญา เมื่อทุกคนปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของตนโดยการรักษาความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ย่อมจะสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมให้มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้นภายในครอบครัว

อย่างไรก็ตาม การรักษาความสะอาดบ้านก็ไม่ได้ทำให้ทุกปัญหาในครอบครัวหมดไป แต่มันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและบรรยากาศแห่งความอบอุ่นให้แก่สมาชิกทุกคนในครอบครัว

แนวทางการแบ่งภาระการทำความสะอาดบ้านอย่างเหมาะสม

นักจิตวิทยาครอบครัวมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้ สำหรับการแบ่งภาระหน้าที่ทำความสะอาดบ้านอย่างเหมาะสมและยุติธรรม

  1. จัดประชุมสมาชิกในครอบครัวเพื่อหารือถึงปัญหาและแนวทางแก้ไข ให้ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นและเสนอแนวทางอย่างเสรี เปิดโอกาสให้สมาชิกแบ่งปันความรู้สึกของตนเกี่ยวกับภาระงานบ้านที่รับผิดชอบ เพื่อให้เข้าใจซึ่งกันและกัน
  2. แบ่งงานให้เหมาะสมกับความสามารถและความถนัดของแต่ละคน บางคนอาจทำงานที่ต้องใช้แรงงานได้ดีกว่า บางคนถนัดงานละเอียดประณีต เพื่อไม่ให้ใครต้องรับภาระหนักจนเกินไป
  3. สร้างตารางทำความสะอาดบ้านประจำสัปดาห์หรือประจำเดือนร่วมกัน แบ่งหน้าที่ตามความเหมาะสม มีการสลับเปลี่ยนหมุนเวียนภาระหน้าที่เป็นระยะๆ ด้วยความเป็นธรรม
  4. ใช้วิธีการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนปฏิบัติตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย อาจเป็นการให้รางวัลหรือสิทธิพิเศษสำหรับคนที่ช่วยกันทำความสะอาดจนสำเร็จ
  5. ติดป้ายคำแนะนำหรือป้ายเตือนในจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย เพื่อเป็นการเตือนสติเรื่องหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
  6. ในกรณีที่เกิดขัดแย้งกันจากปัญหาการแบ่งงาน ให้ใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์โดยการเจรจาและหาข้อสรุปร่วมกัน อย่าปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังจนนำไปสู่ความขัดแย้งใหญ่โต

บ้านคือสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวต้องร่วมกันรับผิดชอบ การรักษาความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอและด้วยความพร้อมเพรียงกัน นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตแล้ว ยังเป็นการสร้างความรักและความผูกพันระหว่างสมาชิกภายในครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เห็นกันแล้วใช่ไหมครับว่าความสะอาดของบ้านนั้นส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวกันมากขนาดไหน แต่ถ้าหากท่านไม่มีเวลา ไม่อยากให้งานบ้านเป็นสิ่งรบกวนจิตใจระหว่างกันต่อกัน Ayasan Service พร้อมให้บริการแม่บ้านทำความสะอาดมืออาชีพ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ Ayasan | บริการจัดหาแม่บ้าน บริการทำความสะอาด พี่เลี้ยงเด็ก ดูแลผู้สูงวัย กรุงเทพฯ

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *